เมนู

ส. สัมมากัมมันตะ ฯลฯ สัมมาอาชีวะเป็นเจตสิก หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1417] ป. ไม่พึงกล่าวว่า ศีลไม่เป็นเจตสิก หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. เมื่อศีลเกิดขึ้นแล้วดับไป บุคคลผู้มีศีลดับไปแล้วนั้น
เป็นคนทุศีล หรือ ?
ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ป. ถ้าอย่างนั้น ศีลก็ไม่เป็นเจตสิกน่ะสิ.
สีลัง อเจตสิกันติกถา จบ

อรรถกถาสีลัง อเจตสิกันติกถา


ว่าด้วย ศีลไม่เป็นเจตสิก


บัดนี้ ชื่อว่าเรื่อง ศีลไม่เป็นเจตสิก. ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมีความ
เห็นดุจลัทธิของนิกายมหาสังฆิกะทั้งหลายว่า เมื่อศีลเกิดขึ้นแม้ดับไปแล้ว
บุคคลนั้นชื่อว่ามีการสั่งสมศีลอันมีสมาทานเป็นเหตุ เขาชื่อว่าเป็นผู้มีศีล
เหตุใด เพราะเหตุนั้นนั่นแหละ ศีลจึงมิใช่เจตสิก ดังนี้ คำถามของสกวาที
หมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที. คำที่เหลือในที่นี้ พึง
ทราบโดยนัยที่กล่าวแล้วในเรื่องของคำว่าทานมิใช่เจตสิกนั่นแหละ แม้
ปรวาทีให้ลัทธิตั้งไว้แล้วก็ไม่สามารตั้งไว้ได้เลย เพราะถือเอาพระสูตร
โดยมิได้พิจารณา ดังนี้แล.
อรรถกถาสีลัง อเจตสิกันติกถา จบ

สีลัง น จิตตานุปริวัตตีติกถา



[1418] สกวาที ศีลไม่เกิดคล้อยตามจิต หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. เป็นรูป เป็นนิพพาน เป็นจักขายตนะ ฯลฯ เป็น
โผฏฐัพพายตนะ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ศีลไม่เกิดคล้อยตามจิต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ผัสสะ ไม่เกิดคล้อยตามจิต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ศีลไม่เกิดคล้อยตามจิต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เวทนา ฯลฯ สัญญา ฯลฯ เจตนา ฯลฯ ศรัทธา วิริยะ
สติ สมาธิ ฯลฯ ปัญญา ไม่เกิดคล้อยตามจิต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1419] ส. ผัสสะ เกิดคล้อยตามจิต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ศีลเกิดคล้อยตามจิต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. เวทนา ฯลฯ สัญญา เจตนา ศรัทธา สติ สมาธิ ฯลฯ
ปัญญา เกิดคล้อยตามจิต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.